|
|
 |
 |
 |
 |
เมื่อเปรียบเทียบกันกับโปรแกรม e-recruit อื่นๆ ทั่วไป
Super E-Recruit Program ถือได้ว่ามีข้อได้เปรียบอย่าง
เห็นได้ชัด
เพราะช่วยผ่อนภาระการทำงานของฝ่ายบุคคล
ได้มาก และช่วยให้คัดคนได้ตรงด้วย |
|
|
ในยุคปัจจุบันที่เศรษฐกิจถดถอย และจำนวนคนตกงานเพิ่มมากขึ้นเช่นนี้ หลายบริษัทอาจจะกำลังประสบกับปัญหาการจัดการเรซูเม่จำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามาจากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางอีเมล ไปรษณีย์ หรือการกรอกข้อมูลออนไลน์บนหน้าเว็บไซต์ของบริษัท
ในบางบริษัทที่ยังไม่มีระบบ e-recruit เข้ามาใช้ก็อาจจะใช้วิธีการปรินท์ใบสมัครออกมาคัดทีละใบ ส่วนบริษัทที่มีระบบ e-recruit ใช้ แทนที่จะได้ใช้ระบบมาช่วยในการจัดการเรซูเม่ ก็อาจจะต้องมานั่งรวบรวมเรซูเม่จากหลายแหล่ง นำมาคีย์ข้อมูลเข้าไปให้อยู่ในระบบเดียวกัน แล้วจึงสามารถเปรียบเทียบเรซูเม่แต่ละใบ เพื่อคัดเลือกใบที่ต้องการขึ้นมาได้ กลายเป็นว่าแทนที่ระบบจะเข้ามาช่วยผ่อนภาระในการทำงานของฝ่ายบุคคล กลับกลายเป็นภาระให้ฝ่ายบุคคลต้องทำงานซ้ำซ้อน ทำให้เสียเวลา รวมถึงเสียทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์อีก
เมื่อเปรียบเทียบกันกับโปรแกรม e-recruit อื่นๆ ทั่วไปแล้ว Super E-Recruit Program ซึ่งพัฒนาโดยผู้ก่อตั้งและเว็บไซต์หางานอย่าง www.jobtopgun.com และ www.superresume.comจึงถือได้ว่ามีข้อได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด เพราะช่วยผ่อนภาระการทำงานของฝ่ายบุคคลได้มาก และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ให้บริษัทได้คนตรงกับความต้องการเข้ามาทำงานด้วย
ทั้งนี้ หากได้ใช้ระบบ Super E-Recruit จะพบว่ามีผลลัพธ์ที่ทางบริษัทจะได้รับจากระบบอย่างแน่นอนอยู่ทั้งหมด 5 ข้อ ไม่ว่าจะเป็น
1. ลดภาระในการจัดการเรซูเม่ที่เข้ามาเป็นจำนวนมากได้จริง
ในความเป็นจริง ถึงแม้ว่าบริษัทจะนำระบบ e-recruit เข้ามาใช้ในการทำงาน สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ผู้สมัครเพียงประมาณ 30% จากทั้งหมด 100% เท่านั้นที่จะยอมกรอกใบสมัครที่อยู่ในระบบ ในขณะที่คนส่วนใหญ่อีกกว่า 70% นิยมส่งเป็นเรซูเม่ส่วนตัวในรูปแบบของ attach file ผ่านทางอีเมลของฝ่ายบุคคลโดยตรงมากกว่า เนื่องจากมีเรซูเม่ของตัวเองพร้อมอยู่แล้ว ไม่ต้องมากรอกใหม่ ทำให้ทางฝ่ายบุคคลต้องปรินท์เรซูเม่ที่ส่งผ่านทางอีเมลเหล่านั้นออกมาทีละฉบับ เพื่อนำมาคีย์ข้อมูลให้เข้าไปอยู่ในระบบเดียว ยิ่งมีเรซูเม่ส่งเข้ามาเยอะเท่าไหร่ ฝ่ายบุคคลก็ยิ่งเสียเวลาในการจัดการงานเอกสารมากขึ้นเท่านั้น
|
|
|
|
ในทางกลับกัน เนื่องจากระบบ Super E-Recruit รองรับใบสมัครในรูปแบบของ Super Resume ซึ่งมีฐานข้อมูลผู้สมัครคุณภาพกว่า 807,613 คน (ข้อมูลเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2552) โดยที่ผู้สมัครเหล่านี้ต่างก็มี Super Resume พร้อมอยู่บนระบบแล้ว ดังนั้นจึงสามารถส่งเรซูเม่ได้ทันที ทั้งนี้ จากสถิติที่ผ่านมา พบว่าลูกค้าที่ใช้ระบบ Super E-Recruit จะได้รับเรซูเม่ที่ส่งเข้ามาในระบบโดยตรงกว่า 90% และมีเพียงแค่ 10% เท่านั้นที่ส่งเข้ามาในรูปแบบอื่น
จากจุดนี้จะเห็นว่าเรซูเม่ถูกส่งเข้ามาในระบบโดยตรงเกือบทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นการลดภาระในการจัดการเรซูเม่ที่เข้ามาเป็นจำนวนมากได้จริง ทำให้ช่วยลดการทำงานซ้ำซ้อนที่ไม่จำเป็นลง และช่วยให้ฝ่ายบุคคลสามารถใช้เวลาไปทำงานที่เป็นประโยชน์มากกว่างานเอกสารได้
2. วิเคราะห์ผู้สมัครในเชิงลึกได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากระบบ Super E-Recruit รองรับใบสมัครในรูปแบบ Super Resume การคัดเลือกผู้สมัครโดยใช้ระบบจึงมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะใน Super Resume มีข้อมูลสำคัญที่ฝ่ายบุคคลต้องการทราบ ตั้งแต่ข้อมูลวิเคราะห์ประวัติการทำงานของผู้สมัคร ซึ่งจะช่วยให้การประเมินประสบการณ์การทำงานของผู้สมัครมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น หรืออ่านความต้องการของผู้สมัครผ่านทางหัวข้อเป้าหมายในการทำงาน และยังมีอีกสองนวัตกรรมที่ช่วยฝ่ายบุคคลในการอ่านผู้สมัครในแนวลึกได้ดีขึ้น ได้แก่การประเมินจุดแข็งของผู้สมัครใน strengths test รวมถึงการอ่านคุณสมบัติซ่อนเร้นของผู้สมัครจากกีฬาหรืองานอดิเรก
|
|
|
|
ทั้งนี้ ข้อมูลสำคัญๆ ใน Super Resume ดังกล่าว จะเป็นตัวช่วยให้ฝ่ายบุคคลอ่านวิเคราะห์คุณสมบัติของผู้สมัครในมุมที่ลึกมากยิ่งขึ้นกว่าการอ่านจากเรซูเม่รูปแบบอื่น และเมื่อบริษัทรับคนที่ตรงกับเงื่อนไขในทุกๆ ด้านเข้ามาทำงาน ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงลดอัตราการลาออกของพนักงานได้ด้วย
(ติดตามตอนต่อไปค่ะ) |
|
|
|
|