“นวัตกรรมใหม่ที่เป็นการให้คะแนนและจัดลำดับเรซูเม่แต่ละใบ
สามารถช่วย HR ในการคัดเลือกใบสมัครได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ และแม่นยำมากยิ่งขึ้น”



            จากตอนก่อนหน้า ที่ได้กล่าวถึงประสิทธิภาพของรูปแบบและโครงสร้างเนื้อหาของ Super Resume จะเห็นว่าเรซูเม่ฟอร์แม็ตใหม่นี้จะช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านคนจากเรซูเม่ได้มาก
            อย่างไรก็ตาม ในองค์กรขนาดใหญ่ที่รับเรซูเม่วันละหลายร้อยหรืออาจจะหลายพันฉบับ การนั่งคัด Super Resume ทีละใบ แม้เป็นการอ่านเรซูเม่ฟอร์แม็ตที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังถือเป็นเรื่องใหญ่อยู่ดี ณ จุดนี้ Super Resume Score Point จึงเข้ามามีบทบาทในการช่วยในกระบวนการคัดกรองและจัดการเรซูเม่
            Super Resume Score Point เป็นระบบการให้คะแนนเรซูเม่แต่ละใบ โดย HR เป็นผู้กำหนดเงื่อนไขการให้คะแนนแต่ละส่วนเองทั้งหมด และหลังจากนั้นระบบจะให้คะแนนข้อมูลเรซูเม่แต่ละส่วนโดยอิงจากฐานคะแนนที่กำหนดไว้ ทำให้เรื่องการคัดกรองเรซูเม่มีความเป็นวิทยาศาสตร์ ในขณะเดียวกันก็ประหยัดเวลาการทำงานของฝ่ายบุคคลมากยิ่งขึ้น
            “concept หลักของระบบ Super Resume Score Point คือการที่เรากำหนดคะแนนให้ข้อมูลแต่ละส่วนของเรซูเม่ แล้วหลังจากนั้นคอมพิวเตอร์ก็จะทำหน้าที่คำนวณคะแนนให้เราโดยอัตโนมัติ” คุณวิเชียรอธิบาย “แล้วลองนึกภาพตามนะครับ ถ้าเป็นระดับ CEO หรือระดับผู้บริหารเป็นคนลงมากำหนดเงื่อนไขคะแนนแต่ละส่วนเองทั้งหมด ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาสักเดือนหรือสองเดือนในการ set ค่า แต่หลังจากนั้น ระบบจะคำนวณคะแนนให้ตามที่คุณ set ไว้ทั้งหมดเลย ซึ่งคุณก็สามารถปล่อยระบบทำงานให้ได้ทั้งหมด โดยที่เหมือนกับมีระดับ director เป็นคน screen เรซูเม่เองทั้งหมด พูดอีกอย่างก็คือ ระบบนี้เหมือนกับคิดขึ้นมาเพื่อให้ระดับผู้บริหารได้ใช้แล้วก็บริหารทรัพยากรมนุษย์ได้ดั่งใจ”
            ตัวอย่างระบบการให้คะแนนของ Super Resume Score Point อย่างเช่นในส่วนของสายอาชีพที่เคยมีประสบการณ์งาน เงินเดือนที่ต้องการ คณะหรือมหาวิทยาลัยที่เรียนจบมา เป้าหมายสูงสุดในการทำงาน หรือแม้แต่ Topgun’s Strengths

            “แต่ละบริษัทสามารถกำหนดคะแนนของข้อมูลแต่ละส่วนได้ตามต้องการ” คุณวิเชียรกล่าว “เช่นถ้ามีประสบการณ์งานด้านนี้มาโดยตรง เป็นไปตามที่คุณต้องการเลย คุณก็อาจจะให้คะแนนส่วนนี้เยอะหน่อย หรือถ้าจบมาจากมหาวิทยาลัยหนึ่ง คุณอาจจะให้คะแนนเท่านี้ แต่ถ้ามาจากมหาวิทยาลัยนี้ คุณจะให้คะแนนอีกแบบหนึ่งก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าคุณคิดว่าเรื่องมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องไม่สำคัญ ก็อาจจะตัดเกณฑ์นี้ทิ้ง แล้วไปเน้นคะแนนที่จุดอื่นก็ได้เหมือนกัน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ”
            หลังจากที่ให้คะแนนเรซูเม่แต่ละใบตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้แล้ว ระบบก็จะจัดการเรียงเรซูเม่แต่ละใบตามลำดับคะแนนที่ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ฝ่ายบุคคลสามารถคัดเลือกใบสมัครที่มีคะแนนสูงสุดขึ้นมา เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการสัมภาษณ์ต่อไป
            “สมมติบริษัทคุณมีเรซูเม่เข้ามาปีละ 30,000 ใบ คุณจับเรซูเม่ทั้งหมดเข้าระบบ ระบบจะคำนวณคะแนนออกมาให้หมดเลย แล้วเรียงลำดับคะแนนจากมากที่สุดลงมาใบที่คะแนนต่ำสุด คุณแค่เลือก 10 อันดับแรกที่คะแนนดีที่สุด ตรงที่สุด ออกมาสัมภาษณ์ โดยที่คุณประหยัดเวลาไม่ต้องไปดูเรซูเม่ที่คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์เลย เท่านี้คุณก็ลด lead time ไปได้มาก

            ถ้าคุณใช้ระบบนี้มาช่วยในการให้คะแนนและจัดอันดับเรซูเม่ คุณได้คนที่มี potential มีคุณสมบัติตามที่คุณต้องการในระดับหนึ่งมาเข้าสัมภาษณ์ แล้วผ่านการกรองในตอนสัมภาษณ์อีก เท่านี้คุณก็จะได้คนตรงตามที่ต้องการ โดยที่ประหยัดเวลาและทรัพยากรไปได้เยอะครับ”


คุณวิเชียร ชนาเทพาพร เป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารเว็บไซต์หางาน jobtopgun.com และ superresume.com
สำหรับระบบ Super Resume Score Point นั้น เป็น function หนึ่งในระบบ Super E-Recruit คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.superhris.com ค่ะ