นอกจากรูปแบบการจัดคอลัมน์ ที่ช่วยให้ฝ่ายบุคคลอ่านเปรียบเทียบ รวมถึงกรองใบสมัครที่ต้องการออกมาได้อย่างรวดเร็วแล้ว Super Resume ยังมี “ความมหัศจรรย์” ที่สามารถช่วยให้อ่านคนจากเรซูเม่ได้แม่นยำ และลงรายละเอียดในเชิงลึกได้มากกว่าเรซูเม่อื่นๆ ทั้งนี้ เป็นเพราะ Super Resume มีโครงสร้างข้อมูลละเอียดเพียงพอ สามารถสะท้อนให้เห็นตัวตนของผู้สมัครไม่ว่าจะเป็นข้อมูลในส่วนของเป้าหมายในการทำงาน (target job) ประสบการณ์การทำงาน (work experience) หรือแม้กระทั่งจุดแข็งและตัวตนของผู้สมัคร ซึ่งสามารถอ่านได้จาก Topgun Strength และ Topgun Aptitude อันจะพูดถึงเป็นเรื่องถัดไป
ก่อนที่จะอธิบายลงลึกเกี่ยวกับเรื่องการอ่านข้อมูลใน Super Resume หากเราได้ปูพื้นเรื่องที่มาที่ไป กว่าจะเป็น Super Resume ที่มีข้อมูลสำคัญละเอียดอัดแน่นอย่างทุกวันนี้ ก็จะทำให้เข้าใจความสำคัญของการอ่าน Super Resume มากยิ่งขึ้น
คุณวิเชียร ชนาเทพาพร ผู้ก่อตั้ง Super Resume ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นเรซูเม่มหัศจรรย์ไว้ว่า “คือจริงๆ Topgun เราเข้าไปจับเรื่องอินเตอร์เน็ตตั้งแต่ตอนที่เข้ามาในไทยแรกๆ แล้ว แต่แทนที่เราจะเอาตำแหน่งงานไปลงตามบอร์ดต่างๆ เราก็ให้คนเข้ามาใน www.topgunthailand.com เพื่อกรอกใบสมัคร
“ปรากฏว่าคนเข้ามาในเว็บกันเยอะมาก แต่ไม่มีคนกรอกใบสมัครเราเลย เพราะใบสมัครของเราในยุคนั้น มันก็เหมือนกับของหลายๆ บริษัทยุคนี้ คือกรอกยาก กรอกลำบาก ใช้เวลาเยอะ จากจุดนี้เราก็ได้เรียนรู้มาจุดหนึ่งแล้ว ว่าถ้าใบสมัครกรอกยาก คนก็จะไม่ยอมกรอกกัน” |
 |
 |
“ตอนทำเป็นเว็บไซต์ www.jobtopgun.com ยุคแรก เราก็เลยกลัวว่าถ้าทำใบสมัครยาก คนจะไม่ยอมกรอกกัน ฉะนั้นก็เลยทำใบสมัครให้กรอกง่ายเข้าไว้ก่อน รายละเอียดน้อยๆ
“แต่กลายเป็นว่า พอเราเปลี่ยนรูปแบบเรซูเม่ให้ง่ายลง ทาง HR กลับต่อว่าเรากลับเข้ามา ว่าให้ข้อมูลมาเท่านี้ แล้วเขาจะ screen คนได้ยังไง ข้อมูลมันไม่เพียงพอที่จะใช้ในการคัดคนนะ ถ้ามีใบสมัครแบบนี้ส่งเข้ามาสัก 100 ใบ เขาจะเรียกใครสัมภาษณ์ ในเมื่อทุกๆ ใบมันเหมือนกันไปหมด” คุณวิเชียรกล่าว
จากจุดนี้เอง ทำให้ทางบริษัทต้องลงศึกษาเรื่องเรซูเม่เชิงลึก โดยเริ่มจากการเข้าไปศึกษาใบสมัครของบริษัทต่างๆ ใน Fortune 500 (บริษัทชั้นนำระดับนานาชาติ 500 บริษัทในสหรัฐอเมริกา) ประกอบกับการที่ Topgun เองมีการพัฒนาด้านทรัพยากรบุคคลเป็นระยะเวลานาน มีการสัมภาษณ์ผู้สมัครกว่าปีละ 6,000 คนมาเป็นเวลากว่าสิบปี ทำให้สามารถนำองค์ความรู้มาประยุกต์พัฒนาเรซูเม่ที่มีเอกลักษณ์ขึ้นมาได้
“จุดเด่นของ Super Resume จะมีคำถามชุดเกี่ยวกับจุดเด่นของผู้สมัคร (Topgun’s Strengths) หรือส่วนของกิจกรรมที่ผู้สมัครเลือกทำยามว่าง (Topgun’s Aptitudes) ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่เหมือนเรซูเม่ฟอร์แม็ตอื่น” คุณวิเชียรอธิบาย
“ข้อมูลส่วนนี้เป็นผลมาจากการสั่งสมประสบการณ์ในการจัดการทรัพยากรบุคคลในองค์กรของเราเองมากว่าสิบปี ทีนี้ เรามองเห็นอยู่จุดหนึ่ง ว่าทุกครั้งที่สัมภาษณ์ผู้สมัคร จะต้องมีคำถามชุดหนึ่งที่ต้องถามทุกครั้ง คือคุณมีจุดเด่นอะไร คุณเก่งอย่างไร ตรงจุดนี้ทำให้เราคิดว่า ทำไมไม่ดึงข้อมูลตรงนี้มาไว้ในเรซูเม่เสียเลยล่ะ
“หรือในส่วนข้อมูลเชิง hobby อันนี้ก็มาจากการสัมภาษณ์เหมือนกัน คือเวลาที่คุณเล่นกีฬาหรืองานอดิเรกอะไรสักอย่างหนึ่ง มันสามารถฝึกฝนให้คุณมีคุณสมบัติบางอย่างขึ้นมาได้ ซึ่งถ้า HR ได้ลงไปศึกษาในส่วนนี้ ก็จะสามารถอ่านออกได้เลยจาก hobby ว่าผู้สมัครคนนี้มีลักษณะพิเศษหรือทัศนคติอย่างไร
“ส่วนโครงสร้างข้อมูลเรื่องประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน หรือเป้าหมายในการทำงานนั้น เราได้ไปศึกษา need ของ HR บริษัทระดับนานาชาติมา แล้วนำมาประยุกต์ออกมาให้อยู่ในตัว Super Resume รวมถึงได้ทำทุกอย่างใน Super Resume ให้อยู่ในรูปแบบ multiple choice ช่วยให้ผู้สมัครกรอกเรซูเม่ได้ง่ายและสะดวก ไม่ต้องมานั่งพิมพ์เอง แต่มีตัวเลือก มี guideline ให้ตลอดเวลา |
“ทั้งหมดทั้งมวลที่เราได้ศึกษาและพัฒนาขึ้นมาจนเป็น Super Resume ในทุกวันนี้นั้น ก็เพื่อช่วยให้ HR ได้ใบสมัครที่มีข้อมูลครบถ้วนตรงความต้องการมากที่สุด ขณะที่ทางผู้สมัครก็กรอกได้สะดวก เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับทั้งสองฝ่ายครับ” |
คุณวิเชียร ชนาเทพาพร เป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารเว็บไซต์หางาน jobtopgun.com และ superresume.com |
|